การใช้รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) เพื่อยกและวางสินค้าบนชั้นเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างรอบคอบและปฏิบัติตามมาตรฐาน
ความปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการทำงาน
วิธีการยกสินค้า
ขั้นตอน : การใช้รถโฟล์คลิฟท์ในการยกสินค้าที่วางบนพื้น
ขั้นตอนที่ 1 การเคลื่อนรถโฟล์คลิฟท์และสอดงาเข้ากับพาเลทของสินค้าเป็น ขั้นตอนสำคัญเพื่อให้การยกและวางสินค้าเป็นไปอย่าง
ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
1.ยืนรถโฟล์คลิฟท์ในตำแหน่งที่ปลอดภัย:
- ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้รถโฟล์คลิฟท์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถโฟล์คลิฟท์อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งาน โดยรวมถึงระบบเบรกและละเอียด
ของเครื่องยก ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่เต็มประสิทธิภาพและอุปกรณ์ความปลอดภัยอื่น ๆ ในรถโฟล์คลิฟท์
2.หลังจากที่ตรวจสอบและยืนรถโฟล์คลิฟท์ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ให้เคลื่อนรถโฟล์คลิฟท์เข้ามาใกล้หน้าพาเลทของสินค้า โดยควบคุม
รถโฟล์คลิฟท์อย่างช้าๆ เพื่อป้องกันการชนหรือการทำลายสินค้าหรือรถ
3.หากพาเลทอยู่ห่างจากรถโฟล์คลิฟท์ประมาณ 20-30 ซม. ให้ใช้ประสิทธิภาพการยกที่เรียกว่า “เลื่อนเสายก” (mast tilt) เพื่อเลื่อนเสายก
ไปด้านหน้าให้สุดและปลายงาเข้าระหว่างกึ่งกลางของพาเลท
4.เมื่อเสายกได้ถูกเลื่อนไปด้านหน้าและปลายงาเข้าระหว่างกึ่งกลางของพาเลท ให้รับรู้และตรวจสอบว่างาไม่ชนกับพาเลทหรือสินค้ารอบข้าง
และให้แน่ใจว่ารถโฟล์คลิฟท์อยู่ในตำแหน่งปลอดภัย
5.เพื่อป้องกันการชนหรือความเสี่ยงอื่น ๆ ในขณะที่คุณเคลื่อนตัวรถโฟล์คลิฟท์ใกล้หน้าพาเลท ควรระมัดระวังและเคร่งครัดในการควบคุม
ความเร็วและทิศทางของรถ
6.เมื่อทุกอย่างพร้อมและงาเข้าในตำแหน่งที่ถูกต้องบนพาเลท ให้รับรู้และตรวจสอบว่ารถโฟล์คลิฟท์อยู่ในตำแหน่งปลอดภัยและพร้อมให้ยก
ขั้นตอนที่ 2 เป็นขั้นตอนในการยกงาขึ้นสูงจากพื้นประมาณ 20-30 ซม. และเลื่อนเสายกเข้าหาตัวของรถโฟล์คลิฟท์จนสุดและพร้อมใช้งาน
1.หลังจากที่รถโฟล์คลิฟท์สอดงาเข้ากับพาเลทของสินค้าตามขั้นตอนที่ 1 และคุณแน่ใจว่ารถอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ให้เริ่มกระบวน
การยกขึ้น
2.เริ่มโหลดยกโดยระมัดระวังและช้าๆ โดยการเปิดวงแหวนของปิกอัพ (lift control lever) ขึ้นไป เพื่อยกงาขึ้นจากพื้น
3.เมื่องาเริ่มยกขึ้นจากพื้นประมาณ 20-30 ซม. ให้รับรู้และระมัดระวังที่จะไม่ยกสินค้าเสียงกับพาเลทหรือสิ่งอื่นที่อาจเป็นอุปสรรค
4.หลังจากที่ยกงาขึ้นไปบนพาเลทได้สูงพอแล้ว ให้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ให้เลื่อนเสายกไปด้านหน้าจนสุด โดยใช้ปิกอัพ
5.เมื่อเสายกได้ถูกเลื่อนไปสุดและยกงาเข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องการ ให้รับรู้และตรวจสอบว่างาเข้าสู่ตำแหน่งที่ถูกต้องและมีระยะห่างที่เหมาะสม
6.หลังจากนั้นให้รับรู้และตรวจสอบว่างาไม่ชนกับพาเลทหรือสินค้ารอบข้าง และรถโฟล์คลิฟท์ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
7.เมื่อทุกอย่างพร้อมและงาเข้าในตำแหน่งที่ถูกต้องบนพาเลท คุณสามารถดำเนินการยกสินค้าขึ้นไปยังที่ต้องการหรือวางลงบนชั้นต่าง ๆ
ตามความต้องการของงาน
8.เมื่อเสร็จสิ้นการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ให้ลดระดับงาลงไปลงพื้นและออกจากพื้นที่ที่จอด
สรุป
การเคลื่อนรถโฟล์คลิฟท์ในขั้นตอนนี้เป็นกระบวนการที่ต้องระมัดระวังและปฏิบัติอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสี่ยงที่
อาจเกิดขึ้นในการทำงาน
ขั้นตอนที่ 3 เป็นขั้นตอนสำหรับการปรับเอนงา (mast tilt) หรือเอนยก (mast tilt up) ในการยกสินค้าขึ้นไปบนชั้นหรือต้นทาง หลังจาก
ที่สินค้าถูกยกขึ้นและรถโฟล์คลิฟท์พร้อมที่จะเคลื่อนตัวรถออกไป
1.หลังจากที่สินค้าถูกยกขึ้นและพร้อมที่จะเคลื่อนตัวรถออกไปจากที่ที่ยกขึ้น ให้รับรู้ว่าสินค้าบนงาอาจไม่ได้วางแนวตรงหรือไม่ได้รองรับ
แนวตั้งของรถโฟล์คลิฟท์
2.เพื่อปรับเอนงาให้สินค้ามีการรองรับแนวตรงของรถ ให้นำหัวสายของเอนงา (mast tilt control lever) ไปด้านหน้าอย่างช้าๆ โดยเริ่มจาก
การนำหัวสายไปด้านบน
3.ตรวจสอบตัวรถโฟล์คลิฟท์และสินค้า เพื่อให้แน่ใจว่าเอนงาถูกปรับให้เหมาะสมและสินค้ามีการรองรับแนวตรงของรถ
4.หากจำเป็น คุณสามารถปรับเอนงาตามความเหมาะสมและความปลอดภัยของสินค้า
5.เมื่อเอนงาถูกปรับให้เหมาะสมและสินค้ามีการรองรับแนวตรงของรถ คุณสามารถเริ่มเคลื่อนตัวรถออกจากที่ที่ยกขึ้นได้
สรุป
ขั้นตอนนี้ช่วยให้สินค้ามีความปลอดภัยและเพื่อปรับเอนงาเพื่อให้มีการรองรับแนวตรงของรถโฟล์คลิฟท์ในขณะที่คุณเคลื่อนตัวรถออกจากที่
ที่ยกขึ้นและมุ่งหน้าออกไปอย่างปลอดภัย
การวางสินค้า
ขั้นตอน : การใช้รถโฟล์คลิฟท์ในการวางสินค้าที่วางบนพื้น
ขั้นตอนที่ 1 ในการวางสินค้าลงบนพื้นเป็นขั้นตอนเริ่มต้นโดยการเคลื่อนรถโฟล์คลิฟท์ไปจอดหน้าช่องวางสินค้า
1.หลังจากที่รถโฟล์คลิฟท์ได้ยกสินค้าขึ้นและเริ่มเคลื่อนที่จากที่ที่สินค้าถูกยกขึ้น ให้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ให้ไปที่ช่องวางสินค้าที่ต้องการวาง
สินค้าลงบนพื้น โดยใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ชนหรือทำลายสินค้าหรือรถโฟล์คลิฟท์
2.ประเมินระยะทางและขอบของช่องวางสินค้าให้แน่ใจว่ารถโฟล์คลิฟท์สามารถจอดหน้าช่องวางสินค้าได้อย่างปลอดภัย ระยะทางนี้จะต้อง
เพียงพอให้สินค้าถูกวางลงบนพื้นได้อย่างสะดวก
3.เมื่อคุณมั่นใจว่ารถโฟล์คลิฟท์อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการจอดและสามารถวางสินค้าได้อย่างปลอดภัย ให้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ให้หยุดหรือ
จอดตรงหน้าช่องวางสินค้า
สรุป
ขั้นตอนที่ 1 เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพราะการจอดรถโฟล์คลิฟท์ที่ตำแหน่งที่เหมาะสมและปลอดภัยเป็นพื้นฐานในกระบวนการวางสินค้าลงบน
พื้นหลังจากการยกขึ้นและมีส่วนสำคัญในการป้องกันการชนหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่ยกหรือวางสินค้าลงบนพื้นได้อย่าง
ปลอดภัย
ขั้นตอนที่ 2 ในกระบวนการวางสินค้าลงบนพื้นเป็นขั้นตอนที่เกี่ยวกับการปรับเอนงาและระดับของรถโฟล์คลิฟท์ เพื่อให้สินค้าสามารถวางลง
บนพื้นได้อย่างปลอดภัย
1.หลังจากที่คุณได้จอดรถโฟล์คลิฟท์หน้าช่องวางสินค้าตามขั้นตอนที่ 1 ให้ปรับเอนงา (mast tilt) ไปด้านหน้าจนสุด โดยใช้หัวสายเอนงา
(mast tilt control lever) หรืออุปกรณ์ควบคุมที่เหมาะสมบนรถโฟล์คลิฟท์
2.เมื่อคุณเริ่มปรับเอนงาไปด้านหน้า สินค้าบนงาเริ่มเคลื่อนไปด้านหน้าด้วย เพื่อให้สินค้ามีการรองรับแนวตรงของรถโฟล์คลิฟท์
3.ให้ปรับเอนงาให้สูงหรือต่ำและขนานกับพื้น โดยตรวจสอบระดับของรถโฟล์คลิฟท์เพื่อให้สินค้าวางลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัย
4.ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ให้ระดับเอนงาเหมาะสมและมีระดับขนานกับพื้น นี่จะช่วยให้สินค้าวางลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัยและมีความสมดุล
5.หลังจากปรับเอนงาและระดับของรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะสมและสินค้ามีการรองรับแนวตรงของรถ คุณสามารถดำเนินการวางสินค้าลง
บนพื้นได้ตามความต้องการของงาน
สรุป
ขั้นตอนที่ 2 นี้ช่วยให้สินค้าวางลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัยและมีความสมดุล เป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการวางสินค้าลงบนพื้นหลังจากการ
ยกขึ้นและการจอดหน้าช่องวางสินค้า
ขั้นตอนที่ 3 เป็นขั้นตอนสำหรับการลดงาลงเพื่อวางสินค้าในตำแหน่งที่ต้องการ และเป็นขั้นตอนในกระบวนการวางสินค้าลงบนพื้นหลังจากที่
รถโฟล์คลิฟท์ได้ปรับเอนงาและระดับของรถตามขั้นตอนที่ 2
1.หลังจากที่รถโฟล์คลิฟท์ได้ปรับเอนงาและระดับของรถตามความเหมาะสมและสินค้ามีการรองรับแนวตรงของรถ ให้ลดงาลง (lowering)
โดยใช้หัวสายเอนงา (mast tilt control lever) หรืออุปกรณ์ควบคุมที่เหมาะสมบนรถโฟล์คลิฟท์
2.เมื่อลดงาลงสินค้าลงบนพื้นในตำแหน่งที่ต้องการ ให้เคลื่อนตัวรถโฟล์คลิฟท์ถอยหลัง (reverse) ประมาณ 20-30 ซม. เพื่อให้สินค้าอยู่ใน
ตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
3.ในขณะที่เคลื่อนตัวรถถอยหลัง ให้ระมัดระวังและรับรู้สภาพแวดล้อมรอบข้าง ตรวจสอบว่าสินค้าไม่ชนกับสิ่งของอื่นหรือมีอุปสรรคใด ๆ
และรถโฟล์คลิฟท์ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
4.เมื่อสินค้าอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการและคุณมั่นใจว่ามีระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างสินค้าและรถโฟล์คลิฟท์กับตำแหน่งที่วางสินค้าลงบนพื้น
ให้หยุดเคลื่อนตัวรถ
สรุป
ขั้นตอนที่ 3 ช่วยให้สินค้าถูกวางลงบนพื้นได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย การเคลื่อนตัวรถถอยหลังเพื่อปรับตำแหน่งสินค้าเป็นการปฏิบัติที่
จำเป็นเพื่อให้สินค้าอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการอย่างแม่นยำและปลอดภัยในกระบวนการวางสินค้า
ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นตอนที่เกี่ยวกับการปรับเอนงา (mast tilt) เพื่อเตรียมการเคลื่อนตัวรถไปในทิศทางที่ต้องการหลังจากที่สินค้าถูกวาง
ลงบนพื้น
1.หลังจากที่สินค้าถูกวางลงบนพื้นในตำแหน่งที่ต้องการ ให้นำหัวสายเอนงา (mast tilt control lever) หรืออุปกรณ์ควบคุมที่เหมาะสมบน
รถโฟล์คลิฟท์ และปรับเอนงาไปด้านหลังเล็กน้อย
2.เมื่อคุณปรับเอนงาไปด้านหลังเล็กน้อย สินค้าบนงาเริ่มเคลื่อนไปด้านหลังด้วย นี่เพื่อให้สินค้าไม่ล้มหรือเคลื่อนที่ไม่สมดุล
3.หลังจากที่คุณปรับเอนงาให้เหมาะสมและสินค้ามีการรองรับแนวตรงของรถ ให้เริ่มเคลื่อนตัวรถไปในทิศทางที่ต้องการ โดยใช้
ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ชนหรือทำลายสินค้าหรือรถ
4.ในขณะที่เคลื่อนตัวรถไปในทิศทางที่ต้องการ ตรวจสอบรอบข้างเพื่อระมัดระวังและรับรู้สภาพแวดล้อม ตรวจสอบว่าสินค้าไม่ชนกับสิ่งของ
อื่นหรือมีอุปสรรคใด ๆ และรถโฟล์คลิฟท์ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
สรุป
ขั้นตอนที่ 4 ช่วยให้สามารถเคลื่อนตัวรถโฟล์คลิฟท์ไปในทิศทางที่ต้องการหลังจากที่สินค้าถูกวางลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัยและประหยัดเวลา
การปรับเอนงาให้เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมการเคลื่อนตัวรถในกระบวนการวางสินค้า