อุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์
รถโฟล์คลิฟท์เป็นส่วนสำคัญของการขนส่งหรือเคลื่อนย้ายสินค้าขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งทำให้มีความง่ายขึ้นสำหรับโรงงานและผู้ปฏิบัติงานทั่วโลก แต่กรณีที่ผู้ปฏิบัติงานใช้งานอย่างไม่เหมาะสม
รถโฟล์คลิฟท์อาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับและผู้ปฏิบัติงานโดยรอบได้เช่นกัน
สถิติของรถโฟล์คลิฟท์ที่มีรายละเอียดการบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างรุนแรงนั้นเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง
ซึ่งมีรายงานอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถโฟล์คลิฟท์ประมาณ 888,220 ครั้งระหว่างปี 2554 ถึง 2562
โดยอุบัติเหตุจากรถยกทำให้มีผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิต 79 รายและบาดเจ็บ 8,140 รายในปี 2562
อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์ที่พบบ่อยที่สุดคือ การขับรถยกชนหรือทับคนงาน มองไม่เห็นเนื่องจากสิ่งของที่ขวางกั้น
หรือขาดการฝึกอบรมที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์ การพลิกคว่ำของรถโฟล์คลิฟท์
การบรรทุกสิ่งของแล้วตกพื้นและอุบัติเหตุพนักงานตกจากรถโฟล์คลิฟท์
โดยสามารถป้องกันได้ด้วยการทำงานในสภาพแวดล้อมการทำงานพรือพื้นที่ที่ปลอดภัย
โดยปกติสาเหตุทั่วไปของการเกิดอุบัติเหตุจากรถยกที่เกี่ยวข้องกับความล้มเหลวอันเนื่องมาจากการบำรุงรักษาที่ไม่ดี
รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเคลื่อนย้ายของหนักและวัตถุแต่ความปลอดภัยของรถโฟล์คลิฟท์
เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากคุณปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างปลอดภัยก็จะไม่มีการเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายแต่อย่างใด
เบื้องต้นคือการศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจว่าอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์ที่อาจเกิดขึ้นเป็นอย่างไร
และเรียนรู้วิธีป้องกันเพื่อรักษาความปลอดภัยขณะใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ข้อมูลอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์
ข้อมูลดังกล่าวเผยให้เห็นถึงขอบเขตของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถโฟล์คลิฟท์
ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายรวมถึงอาการกระดูกหัก รอยฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกและกล้ามเนื้อฉีกขาด
ในปี 2561 คนงานมากกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ขาดงาน
ซึ่งการทำความเข้าใจวิธีการใช้งานรถยกอย่างเหมาะสมสามารถลดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจำนวนมาก
เพื่อแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมโดยข้อมูลของรถโฟล์คลิฟท์ต่อไปนี้คือรายงานจากองค์กรด้านความปลอดภัยชั้นนำ
ซึ่งเป็นข้อมูลจากสำนักสถิติแรงงานและการบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์
1.อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากปี 2554 มีผู้ใช้งานรถโฟล์คลิฟท์
แล้วเกิดการบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิตโดยประมาณ 6,130 รายและเสียชีวิตโดยประมาณ 66 ราย
ต่อมาในปี 2019 มีรายงานการบาดเจ็บจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มากกว่า 8,000 ราย
และเสียชีวิตจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์ประมาณ 79 ราย
2.ในปี 2019 ผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้ชายได้รับบาดเจ็บจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มากขึ้น คิดเป็น 86.6%
ส่วนผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้หญิงคิดเป็น 13.4% ของการได้รับบาดเจ็บ
3.ระหว่างปี 2556 ถึง 2560 มีผู้ได้รับบาดเจ็บโดยเฉลี่ย 7,118 รายและเสียชีวิตประมาณ 66 รายต่อปี
ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์
4.ปี 2018 คือปีที่มีผู้เสียชีวิตจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มากที่สุดซึ่งเป็นประวัติศาสตร์
โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 85 ราย
5.ปี 2555 ผู้ปฏิบัติงานเกือบ 45 % ได้รับบาดเจ็บในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการขับรถโฟล์คลิฟท์
โดยมีอาการปวดคอเนื่องจากทำงานอย่างต่อเนื่อง
6.ผู้ปฏิบัติงานต้องเผชิญกับการสั่นสะเทือนโดยมีอาการปวดหลังเนื่องจากการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์
ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของร่างกาย
7.อุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์สามารถป้องกันได้โดยประมาณการว่าเกือบ 70% ของอุบัติเหตุ
จากการขับรถโฟล์คลิฟท์ทั้งหมดสามารถป้องกันได้ด้วยการฝึกอบรมที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ประเภทของอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์
ขั้นตอนแรกในการป้องกันอุบัติเหตุจากรถยกทั่วไปคือการทำความเข้าใจความเสี่ยงและอันตรายของการใช้รถยก
ซึ่งคุณสามารถรักษาตัวเองและทีมงานของคุณให้ปลอดภัยได้โดยดำเนินการป้องกันอุบัติเหตุ
แม้ว่าอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงซึ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต
แต่ก็สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ด้วยมาตรการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมด้วยวิธีที่ดีที่สุดได้
ซึ่งประเภทของอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มีหลากหลายประเภท
ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ดังนี้
1. อุบัติเหตุรถโฟล์คลิฟท์วิ่งทับคนงานหรือคนเดินเท้า
บางครั้งพนักงานอาจขับรถโฟล์คลิฟท์ชนคนเดินหรือเพื่อนร่วมงานบริเวณรอบๆ
ซึ่งเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุจากการขับรถโฟล์คลิฟท์ที่พบบ่อยที่สุดมักเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์
ไม่สนใจมองบริเวณรอบข้างทำให้เกิดสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย
โดยคนขับไม่มีเวลาเพียงพอในการตอบสนองทำให้ขาดสัญญาณเตือน
ซึ่งอุบัติเหตุประเภทนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนสถานที่ทำงาน
โดยการเพิ่มระบบสัญลักษณ์การจราจรบนพื้นและที่กั้นเพื่อกำหนดโซนการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์
ซึ่งสามารถทำให้เพื่อนร่วมงานและคนเดินถนนบริเวณนั้นทราบว่ารถโฟล์คลิฟท์อาจกำลังเคลื่อนผ่านเข้ามา
นอกจากนี้การอนุญาตให้ผู้ปฏิบัติงานพักผ่อนและหยุดพักระหว่างวันจะทำให้จิตใจและสมาธิจดจ่อ
สาเหตุ
- ผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์ไม่สนใจบริเวณรอบข้างหรือเรียกว่าประมาท
- ขาดสัญญาณเตือน
การป้องกัน
- ผู้ปฏิบัติงานควรหยุดพักทำงานระหว่างวัน
- มีระบบสัญลักษณ์ขอบเขตบนพื้นให้คนเดินถนนมองเห็นว่ามีรถโฟล์คลิฟท์วิ่งอยู่ในบริเวณนั้น
- เพิ่มรั้วกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
2. รถโฟล์คลิฟท์พลิกคว่ำ
รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่และหนักซึ่งไม่ได้ออกแบบมาให้เลี้ยวเร็ว
หากผู้ปฏิบัติงานพยายามเลี้ยวเร็วเกินไปอาจทำให้รถโฟล์คลิฟท์พลิกคว่ำได้ ซึ่งเป็นอันตรายและถึงขั้นเสียชีวิตได้
สิ่งสำคัญคือต้องรักษาน้ำหนักเพื่อรักษาจุดศูนย์ถ่วงโดยการใช้รถโฟล์คลิฟท์อย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ
ในการป้องกันการพลิกคว่ำของรถโฟล์คลิฟท์
ผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยวเร็วเกินไปและระวังพื้นผิวที่ไม่เรียบ
โดยการรักษาขีดจำกัดความเร็วรวมถึงน้ำหนักบรรทุกและชะลอตัวลงเมื่อผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ขับเข้าใกล้มุม
ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันอุบัติเหตุประเภทนี้
สาเหตุ
- เลี้ยวรถโฟล์คลิฟท์เร็ว
- น้ำหนักไม่สมดุล
- รถโฟล์คลิฟท์เอียงแล้วรีบเลี้ยว
- พื้นผิวไม่เรียบ
การป้องกัน
- รักษาขีดจำกัดความเร็วที่เหมาะสม
- ลดความเร็วลงเมื่อเข้าใกล้โค้ง
- ไม่บรรทุกเกินความจุน้ำหนักของรถโฟล์คลิฟท์
- วางสินค้าให้ต่ำลงกับพื้น
3. ผู้ปฏิบัติงานตกจากรถโฟล์คลิฟท์
การหกล้มหรือตกจากรถโฟล์คลิฟท์เป็นหนึ่งในอุบัติเหตุที่พบบ่อยที่สุด แต่ก็สามารถป้องกันได้ทั้งหมด
โดยผู้ปฏิบัติงานไม่ควรรีบเร่ง ใช้ราวกั้นที่จัดเตรียมไว้ให้และใช้มาตรการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม
เพื่อหลีกเลี่ยงการหกล้มหรือตกจากรถโฟล์คลิฟท์
สาเหตุ
- ไม่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย
- ประมาท
การป้องกัน
- ไม่ควรรีบเร่ง
- ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม
- ใช้ราวกั้นกันตก
4. สินค้าตกจากรถโฟล์คลิฟท์
รถโฟล์คลิฟท์สามารถเคลื่อนย้ายของหนักไปยังที่สูงได้แต่หากใช้งานไม่ถูกต้องการยกของอาจทำให้เกิดหายนะได้
หากวางสินค้าที่ไม่สมดุลสามารถเลื่อนหลุดหรือตกหล่นได้อย่างรวดเร็วเมื่อรถโฟล์คลิฟท์เคลื่อนที่
และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตจากรถโฟล์คลิฟท์จำนวนมาก
โดยการเคลื่อนตัวเร็วเกินไปพร้อมกับสินค้าอาจทำให้น้ำหนักบรรทุกพลิกคว่ำได้
ซึ่งการป้องกันไม่ให้สิ่งของตกหล่นสามารถลดจำนวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตในแต่ละปีได้อย่างมาก
ก่อนเคลื่อนย้ายรถโฟล์คลิฟท์ควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าสินค้าอยู่กึ่งกลางของงา
และหลีกเลี่ยงความเร็วที่มากเกินไปเมื่อเคลื่อนย้ายพาเลทที่มีของหนัก
สาเหตุ
- ความไม่สมดุลของสินค้าที่ยก
- การเคลื่อนย้ายหรือการยกอาจเกิดขึ้นเร็วเกินไป
- งาของรถโฟล์คลิฟท์อาจงอ
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการบรรทุกที่อาจเกิดความเสียหาย
- จัดกึ่งกลางแต่ละโหลด
- อย่าเคลื่อนที่เร็วเกินไปเมื่อบรรทุกหรือยก
5. ขาดการอบรมเรื่องรถโฟล์คลิฟท์
ก่อนเริ่มใช้งานรถโฟล์คลิฟท์สิ่งสำคัญที่ควรจะมีอันดับแรกคือการฝึกอบรมการขับรถโฟล์คลิฟท์
ซึ่งคนขับรถโฟล์คลิฟท์ควรมีความรู้พื้นฐานการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์อย่างปลอดภัย
และทำความคุ้นเคยกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถโฟล์คลิฟท์ที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
นี่คือเหตุผลที่การฝึกอบรมมีความสำคัญ บริษัทต่างๆ ควรมีการฝึกอบรมให้กับผู้ปฏิบัตงิานเพื่อได้รับการรับรอง
การใช้งานหรือการขับรถโฟล์คลิฟท์
สาเหตุ
- ขาดการฝึกอบรมการขับรถโฟล์คลิฟท์
- ทัศนคติที่ว่าการฝึกอบรมไม่จำเป็น
การป้องกัน
- การฝึกขับรถโฟล์คลิฟท์ที่ดีขึ้น
- การฝึกอบรมการขับรถโฟล์คลิฟท์ที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
- อบรมการขับรถโฟล์คลิฟท์แบบเจาะจงที่เน้นความปลอดภัย
6. ปิดกั้นการมองเห็น
สภาพการทำงานสำหรับผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์อาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ก่อสร้าง
ที่มีความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานยกอย่างถูกต้อง
โดยอุบัติเหตุจำนวนมากเกิดจากสิ่งกีดขวางที่บดบังสายตาของผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์
และทำให้มองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ยากซึ่งอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อผู้ปฏิบัติงานไม่ชะลอความเร็วรอบจุดบอด
หรือเมื่อขับด้วยน้ำหนักบรรทุกที่สูงโดยยกงาขึ้น ผู้ปฏิบัติงานสามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเช่นนี้ได้
ด้วยการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานเพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงจุดบอดและนอกจากนี้การขับรถอย่างช้าๆ
ลดงาลงจะช่วยปรับปรุงแนวสายตาอีกด้วย
สาเหตุ
- การขับรถโฟล์คลิฟท์ที่บรรทุกสินค้าสูงหรือยกงาสูง
- ขับขี่ไม่ปลอดภัยรอบจุดบอด
การป้องกัน
- เพิ่มมุมมองในการมองเห็น
- ลดงาลงให้ต่ำลงกับพื้น
- เลี้ยวรถโฟล์คลิฟท์ช้า ๆ
7. รถโฟล์คลิฟท์ชำรุดเสียหาย
แม้ว่าคุณจะระมัดระวังและปฏิบัติตามขั้นตอนด้านความปลอดภัยแต่อุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้
ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์ควรอยู่ในสภาพที่ดีและมีการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
ซึ่งความล้มเหลวของกลไกและการเสียหายของเครื่องยนต์เป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์
โดยอุบัติเหตุอาจเกิดจากสิ่งต่างๆ เช่น วาล์ว ท่อรั่ว การสึกหรอหรือยางเสียหาย
ซึ่งอุบัติเหตุเกือบทั้งหมดที่เกิดจากความล้มเหลวของเครื่องยนต์สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจสอบเป็นประจำ
และการบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ตามปกติ
สาเหตุ
- ขาดการตรวจสอบ
- เบรคเสื่อมสภาพ
- รั่ว
- ยางเสียหาย
การป้องกัน
- ดำเนินการตรวจสอบก่อนเริ่มใช้งาน
- เปลี่ยนอะไหล่บางตัวอย่างสม่ำเสมอ
- อย่าใช้อุปกรณ์ที่ชำรุด
อะไรทำให้ Forklift เป็นอันตราย ?
รถโฟล์คลิฟท์มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับความจุและน้ำหนักที่แตกต่างกัน
รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ หนักและทรงพลังอีกทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความเร็วสูงและเบรกนุ่ม
โดยการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยสามารถช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและการบาดเจ็บได้
- รถโฟล์คลิฟท์ถือเป็นเครื่องจักรกลหนัก ที่มีขนาดใหญ่และเทอะทะ
- รถโฟล์คลิฟท์ใหญ่และเทอะทะ สามารถวิ่งได้เร็วมากซึ่งสามารถวิ่งได้สูงถึง 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทำให้เกิดพลังงานจลน์อย่างมาก
- รถโฟล์คลิฟท์มีน้ำหนักมากและวิ่งด้วยความเร็วสูงจึงสามารถหยุดรถได้อย่างกะทันหันได้ยาก
- รถโฟล์คลิฟท์มีความแข็งแรงมาก แต่น้ำหนักของรถก็กระจายไม่เท่ากัน ทำให้ใช้งานยาก
การเลี้ยวแคบและการหลบหลีกผ่านทางเดินแคบเป็นเรื่องยากสำหรับรถยก
- รถโฟล์คลิฟท์มีแนวโน้มที่จะพลิกคว่ำเนื่องจากมีน้ำหนักมากที่ด้านหลัง
- รถโฟล์คลิฟท์มีขนาดใหญ่ทำให้ขับได้ยากเนื่องจากมีมุมการมองเห็นที่จำกัดซึ่งการบรรทุกของไว้ด้านหน้า
ทำให้ผู้ขับมองเห็นได้ยาก
- รถโฟล์คลิฟท์ได้รับการออกแบบให้บรรทุกของหนัก ทำให้เป็นอันตรายมาก
ซึ่งอุบัติเหตุจำนวนมากเกิดขึ้นที่ท่าเรือบรรทุกสินค้า
ระบบความปลอดภัยสำหรับการใช้รถโฟล์คลิฟท์
รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมหากใช้งานอย่างถูกต้อง ด้วยระเบียบวิธีการฝึกอบรมและความปลอดภัย
ช่วยขจัดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตโดยสามารถป้องกันได้จากสถานที่ทำงาน
ซึ่งก่อนการใช้รถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้เวลาฝึกอบรมและเตรียมการอย่างเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าคุณคุ้นเคยกับเครื่องจักร
- ควรได้รับการฝึกอบรมและมีใบอนุญาตสำหรับการขับรถโฟล์คลิฟท์
- ใช้เข็มขัดนิรภัยที่เหมาะสมเมื่อใช้งานรถโฟล์คลิฟท์เช่นเดียวกับรถยนต์ การใช้เข็มขัดนิรภัยในรถโฟล์คลิฟท์ สามารถป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- ป้องกันอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับกลไกหรือเครื่องยนต์ที่ไม่ดีหรือสภาพทรุดโทรมโดยตรวจเช็คความเสียหาย ก่อนการใช้งานทุกวัน
- กรณีรถโฟล์คลิฟท์จะเริ่มคว่ำ ห้ามกระโดดออกจากรถยกเพื่อลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ ให้ผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์อยู่ในรถและเอนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการคว่ำ
- ใช้ความระมัดระวังอย่างมากกับทางลาดหรือทางเอียง
- อย่ายกหรือลดระดับงาในขณะที่รถโฟล์คลิฟท์กำลังเคลื่อนที่
- ศึกษาคู่มือการใช้งานสำหรับยี่ห้อและรุ่นของรถโฟล์คลิฟท์โดยเฉพาะ
- ขับรถโฟล์คลิฟท์ด้วยความเร็วที่ปลอดภัย สังเกตป้ายจำกัดความเร็วทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
- อย่าขับรถโฟล์คลิฟท์กรณีมีคนยืนอยู่บริเวณนั้นซึ่งก่อนที่จะเคลื่อนย้ายรถโฟล์คลิฟท์อย่างปลอดภัย ควรมีเส้นทางที่ชัดเจนห่างจากคนเดินเท้าและเพื่อนร่วมงาน
บทความล่าสุด
การใช้รถโฟล์คลิฟท์ยกสินค้าบนพื้นที่สูงวางบนพื้นที่ต่ำ
การใช้รถโฟล์คลิฟท์ยกสินค้าที่วางบนพื้น
สัญลักษณ์และความหมายเกี่ยวกับรถโฟล์คลิฟท์
หมวดหมู่บทความ
- ทั้งหมด (84)
- แบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ (1)
- โฟล์คลิฟท์ (3)
- โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (3)
ติดต่อเราวันนี้
- บริษัทเอ็นเนอร์ยีแอดวานซ์จำกัด77/7 หมู่ 9 ซอยสุวินทวงศ์33ถนนสุวินทวงศ์ กทม. 10530
- service@energyadvance.co.th
- 02 077 9608
- @forklift