อุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์

สถิติอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์

อุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์

รถโฟล์คลิฟท์เป็นส่วนสำคัญของการขนส่งหรือเคลื่อนย้ายสินค้าขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก

ซึ่งทำให้มีความง่ายขึ้นสำหรับโรงงานและผู้ปฏิบัติงานทั่วโลก แต่กรณีที่ผู้ปฏิบัติงานใช้งานอย่างไม่เหมาะสม

รถโฟล์คลิฟท์อาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับและผู้ปฏิบัติงานโดยรอบได้เช่นกัน

สถิติรถโฟล์คลิฟท์

สถิติของรถโฟล์คลิฟท์ที่มีรายละเอียดการบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างรุนแรงนั้นเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง 

ซึ่งมีรายงานอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถโฟล์คลิฟท์ประมาณ 888,220 ครั้งระหว่างปี 2554 ถึง 2562 

โดยอุบัติเหตุจากรถยกทำให้มีผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิต 79 รายและบาดเจ็บ 8,140 รายในปี 2562

อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์ที่พบบ่อยที่สุดคือ การขับรถยกชนหรือทับคนงาน มองไม่เห็นเนื่องจากสิ่งของที่ขวางกั้น 

หรือขาดการฝึกอบรมที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์ การพลิกคว่ำของรถโฟล์คลิฟท์ 

การบรรทุกสิ่งของแล้วตกพื้นและอุบัติเหตุพนักงานตกจากรถโฟล์คลิฟท์

โดยสามารถป้องกันได้ด้วยการทำงานในสภาพแวดล้อมการทำงานพรือพื้นที่ที่ปลอดภัย

โดยปกติสาเหตุทั่วไปของการเกิดอุบัติเหตุจากรถยกที่เกี่ยวข้องกับความล้มเหลวอันเนื่องมาจากการบำรุงรักษาที่ไม่ดี

รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเคลื่อนย้ายของหนักและวัตถุแต่ความปลอดภัยของรถโฟล์คลิฟท์

เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หากคุณปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างปลอดภัยก็จะไม่มีการเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายแต่อย่างใด

เบื้องต้นคือการศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจว่าอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์ที่อาจเกิดขึ้นเป็นอย่างไร

และเรียนรู้วิธีป้องกันเพื่อรักษาความปลอดภัยขณะใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด

อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์

ข้อมูลอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์

ข้อมูลดังกล่าวเผยให้เห็นถึงขอบเขตของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถโฟล์คลิฟท์

ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายรวมถึงอาการกระดูกหัก รอยฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกและกล้ามเนื้อฉีกขาด

ในปี 2561 คนงานมากกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ขาดงาน

ซึ่งการทำความเข้าใจวิธีการใช้งานรถยกอย่างเหมาะสมสามารถลดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจำนวนมาก

เพื่อแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมโดยข้อมูลของรถโฟล์คลิฟท์ต่อไปนี้คือรายงานจากองค์กรด้านความปลอดภัยชั้นนำ

ซึ่งเป็นข้อมูลจากสำนักสถิติแรงงานและการบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์

1.อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากปี 2554 มีผู้ใช้งานรถโฟล์คลิฟท์

แล้วเกิดการบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิตโดยประมาณ 6,130 รายและเสียชีวิตโดยประมาณ 66 ราย 

ต่อมาในปี 2019 มีรายงานการบาดเจ็บจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มากกว่า 8,000 ราย

และเสียชีวิตจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์ประมาณ 79 ราย

2.ในปี 2019 ผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้ชายได้รับบาดเจ็บจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มากขึ้น คิดเป็น 86.6% 

ส่วนผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้หญิงคิดเป็น 13.4% ของการได้รับบาดเจ็บ 

3.ระหว่างปี 2556 ถึง 2560 มีผู้ได้รับบาดเจ็บโดยเฉลี่ย 7,118 รายและเสียชีวิตประมาณ 66 รายต่อปี

ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์

4.ปี 2018 คือปีที่มีผู้เสียชีวิตจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มากที่สุดซึ่งเป็นประวัติศาสตร์

โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 85 ราย

5.ปี 2555 ผู้ปฏิบัติงานเกือบ 45 % ได้รับบาดเจ็บในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการขับรถโฟล์คลิฟท์ 

โดยมีอาการปวดคอเนื่องจากทำงานอย่างต่อเนื่อง

6.ผู้ปฏิบัติงานต้องเผชิญกับการสั่นสะเทือนโดยมีอาการปวดหลังเนื่องจากการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์

ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของร่างกาย

7.อุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์สามารถป้องกันได้โดยประมาณการว่าเกือบ 70% ของอุบัติเหตุ

จากการขับรถโฟล์คลิฟท์ทั้งหมดสามารถป้องกันได้ด้วยการฝึกอบรมที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ประเภทอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์

ประเภทของอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์

ขั้นตอนแรกในการป้องกันอุบัติเหตุจากรถยกทั่วไปคือการทำความเข้าใจความเสี่ยงและอันตรายของการใช้รถยก

ซึ่งคุณสามารถรักษาตัวเองและทีมงานของคุณให้ปลอดภัยได้โดยดำเนินการป้องกันอุบัติเหตุ

แม้ว่าอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงซึ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต

แต่ก็สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ด้วยมาตรการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมด้วยวิธีที่ดีที่สุดได้

ซึ่งประเภทของอุบัติเหตุจากการทำงานกับรถโฟล์คลิฟท์มีหลากหลายประเภท

ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ดังนี้

อุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์วิ่งชนคนงาน

1. อุบัติเหตุรถโฟล์คลิฟท์วิ่งทับคนงานหรือคนเดินเท้า

บางครั้งพนักงานอาจขับรถโฟล์คลิฟท์ชนคนเดินหรือเพื่อนร่วมงานบริเวณรอบๆ 

ซึ่งเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุจากการขับรถโฟล์คลิฟท์ที่พบบ่อยที่สุดมักเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์

ไม่สนใจมองบริเวณรอบข้างทำให้เกิดสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย

โดยคนขับไม่มีเวลาเพียงพอในการตอบสนองทำให้ขาดสัญญาณเตือน

ซึ่งอุบัติเหตุประเภทนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนสถานที่ทำงาน 

โดยการเพิ่มระบบสัญลักษณ์การจราจรบนพื้นและที่กั้นเพื่อกำหนดโซนการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์

ซึ่งสามารถทำให้เพื่อนร่วมงานและคนเดินถนนบริเวณนั้นทราบว่ารถโฟล์คลิฟท์อาจกำลังเคลื่อนผ่านเข้ามา

นอกจากนี้การอนุญาตให้ผู้ปฏิบัติงานพักผ่อนและหยุดพักระหว่างวันจะทำให้จิตใจและสมาธิจดจ่อ

สาเหตุ

  • ผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์ไม่สนใจบริเวณรอบข้างหรือเรียกว่าประมาท
  • ขาดสัญญาณเตือน

การป้องกัน

  • ผู้ปฏิบัติงานควรหยุดพักทำงานระหว่างวัน
  • มีระบบสัญลักษณ์ขอบเขตบนพื้นให้คนเดินถนนมองเห็นว่ามีรถโฟล์คลิฟท์วิ่งอยู่ในบริเวณนั้น
  • เพิ่มรั้วกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุรถโฟล์คลิฟท์พลิกคว่ำ

2. รถโฟล์คลิฟท์พลิกคว่ำ

รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่และหนักซึ่งไม่ได้ออกแบบมาให้เลี้ยวเร็ว

หากผู้ปฏิบัติงานพยายามเลี้ยวเร็วเกินไปอาจทำให้รถโฟล์คลิฟท์พลิกคว่ำได้ ซึ่งเป็นอันตรายและถึงขั้นเสียชีวิตได้

สิ่งสำคัญคือต้องรักษาน้ำหนักเพื่อรักษาจุดศูนย์ถ่วงโดยการใช้รถโฟล์คลิฟท์อย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ

ในการป้องกันการพลิกคว่ำของรถโฟล์คลิฟท์

ผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยวเร็วเกินไปและระวังพื้นผิวที่ไม่เรียบ

โดยการรักษาขีดจำกัดความเร็วรวมถึงน้ำหนักบรรทุกและชะลอตัวลงเมื่อผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์ขับเข้าใกล้มุม

ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันอุบัติเหตุประเภทนี้

สาเหตุ

การป้องกัน

  • รักษาขีดจำกัดความเร็วที่เหมาะสม
  • ลดความเร็วลงเมื่อเข้าใกล้โค้ง
  • ไม่บรรทุกเกินความจุน้ำหนักของรถโฟล์คลิฟท์
  • วางสินค้าให้ต่ำลงกับพื้น
พนักงานตกจากรถโฟล์คลิฟท์

3. ผู้ปฏิบัติงานตกจากรถโฟล์คลิฟท์

การหกล้มหรือตกจากรถโฟล์คลิฟท์เป็นหนึ่งในอุบัติเหตุที่พบบ่อยที่สุด แต่ก็สามารถป้องกันได้ทั้งหมด

โดยผู้ปฏิบัติงานไม่ควรรีบเร่ง ใช้ราวกั้นที่จัดเตรียมไว้ให้และใช้มาตรการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม

เพื่อหลีกเลี่ยงการหกล้มหรือตกจากรถโฟล์คลิฟท์

สาเหตุ

  • ไม่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย
  • ประมาท

การป้องกัน

  • ไม่ควรรีบเร่ง
  • ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม
  • ใช้ราวกั้นกันตก
ของตกจากรถโฟล์คลิฟท์

4. สินค้าตกจากรถโฟล์คลิฟท์

รถโฟล์คลิฟท์สามารถเคลื่อนย้ายของหนักไปยังที่สูงได้แต่หากใช้งานไม่ถูกต้องการยกของอาจทำให้เกิดหายนะได้

หากวางสินค้าที่ไม่สมดุลสามารถเลื่อนหลุดหรือตกหล่นได้อย่างรวดเร็วเมื่อรถโฟล์คลิฟท์เคลื่อนที่ 

และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตจากรถโฟล์คลิฟท์จำนวนมาก

โดยการเคลื่อนตัวเร็วเกินไปพร้อมกับสินค้าอาจทำให้น้ำหนักบรรทุกพลิกคว่ำได้ 

ซึ่งการป้องกันไม่ให้สิ่งของตกหล่นสามารถลดจำนวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตในแต่ละปีได้อย่างมาก 

ก่อนเคลื่อนย้ายรถโฟล์คลิฟท์ควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าสินค้าอยู่กึ่งกลางของงา

และหลีกเลี่ยงความเร็วที่มากเกินไปเมื่อเคลื่อนย้ายพาเลทที่มีของหนัก

สาเหตุ

  • ความไม่สมดุลของสินค้าที่ยก
  • การเคลื่อนย้ายหรือการยกอาจเกิดขึ้นเร็วเกินไป
  • งาของรถโฟล์คลิฟท์อาจงอ

การป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการบรรทุกที่อาจเกิดความเสียหาย
  • จัดกึ่งกลางแต่ละโหลด
  • อย่าเคลื่อนที่เร็วเกินไปเมื่อบรรทุกหรือยก
ขาดการอบรมเรื่องรถโฟล์คลิฟท์

5. ขาดการอบรมเรื่องรถโฟล์คลิฟท์

ก่อนเริ่มใช้งานรถโฟล์คลิฟท์สิ่งสำคัญที่ควรจะมีอันดับแรกคือการฝึกอบรมการขับรถโฟล์คลิฟท์ 

ซึ่งคนขับรถโฟล์คลิฟท์ควรมีความรู้พื้นฐานการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์อย่างปลอดภัย

และทำความคุ้นเคยกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถโฟล์คลิฟท์ที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

นี่คือเหตุผลที่การฝึกอบรมมีความสำคัญ บริษัทต่างๆ ควรมีการฝึกอบรมให้กับผู้ปฏิบัตงิานเพื่อได้รับการรับรอง

การใช้งานหรือการขับรถโฟล์คลิฟท์

สาเหตุ

  • ขาดการฝึกอบรมการขับรถโฟล์คลิฟท์
  • ทัศนคติที่ว่าการฝึกอบรมไม่จำเป็น

การป้องกัน

ปิดกั้นการมองเห็นขณะขับรถโฟล์คลิฟท์

6. ปิดกั้นการมองเห็น

สภาพการทำงานสำหรับผู้ควบคุมรถโฟล์คลิฟท์อาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ก่อสร้าง

ที่มีความเคลื่อนไหวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานยกอย่างถูกต้อง

โดยอุบัติเหตุจำนวนมากเกิดจากสิ่งกีดขวางที่บดบังสายตาของผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์

และทำให้มองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ยากซึ่งอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อผู้ปฏิบัติงานไม่ชะลอความเร็วรอบจุดบอด

หรือเมื่อขับด้วยน้ำหนักบรรทุกที่สูงโดยยกงาขึ้น ผู้ปฏิบัติงานสามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเช่นนี้ได้

ด้วยการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานเพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงจุดบอดและนอกจากนี้การขับรถอย่างช้าๆ 

ลดงาลงจะช่วยปรับปรุงแนวสายตาอีกด้วย

สาเหตุ

  • การขับรถโฟล์คลิฟท์ที่บรรทุกสินค้าสูงหรือยกงาสูง
  • ขับขี่ไม่ปลอดภัยรอบจุดบอด

การป้องกัน

  • เพิ่มมุมมองในการมองเห็น
  • ลดงาลงให้ต่ำลงกับพื้น
  • เลี้ยวรถโฟล์คลิฟท์ช้า ๆ 
เครื่องรถโฟล์คลิฟท์ชำรุด

7. รถโฟล์คลิฟท์ชำรุดเสียหาย

แม้ว่าคุณจะระมัดระวังและปฏิบัติตามขั้นตอนด้านความปลอดภัยแต่อุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ 

ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์ควรอยู่ในสภาพที่ดีและมีการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

ซึ่งความล้มเหลวของกลไกและการเสียหายของเครื่องยนต์เป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์

โดยอุบัติเหตุอาจเกิดจากสิ่งต่างๆ เช่น วาล์ว ท่อรั่ว การสึกหรอหรือยางเสียหาย

ซึ่งอุบัติเหตุเกือบทั้งหมดที่เกิดจากความล้มเหลวของเครื่องยนต์สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจสอบเป็นประจำ

และการบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ตามปกติ

สาเหตุ

  • ขาดการตรวจสอบ
  • เบรคเสื่อมสภาพ
  • รั่ว
  • ยางเสียหาย

การป้องกัน

  • ดำเนินการตรวจสอบก่อนเริ่มใช้งาน
  • เปลี่ยนอะไหล่บางตัวอย่างสม่ำเสมอ
  • อย่าใช้อุปกรณ์ที่ชำรุด

อะไรทำให้ Forklift เป็นอันตราย ?

รถโฟล์คลิฟท์มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับความจุและน้ำหนักที่แตกต่างกัน

รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ หนักและทรงพลังอีกทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความเร็วสูงและเบรกนุ่ม

โดยการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยสามารถช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและการบาดเจ็บได้

  • รถโฟล์คลิฟท์ถือเป็นเครื่องจักรกลหนัก ที่มีขนาดใหญ่และเทอะทะ
  • รถโฟล์คลิฟท์ใหญ่และเทอะทะ สามารถวิ่งได้เร็วมากซึ่งสามารถวิ่งได้สูงถึง 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

         ทำให้เกิดพลังงานจลน์อย่างมาก

  • รถโฟล์คลิฟท์มีน้ำหนักมากและวิ่งด้วยความเร็วสูงจึงสามารถหยุดรถได้อย่างกะทันหันได้ยาก
  • รถโฟล์คลิฟท์มีความแข็งแรงมาก แต่น้ำหนักของรถก็กระจายไม่เท่ากัน ทำให้ใช้งานยาก 

         การเลี้ยวแคบและการหลบหลีกผ่านทางเดินแคบเป็นเรื่องยากสำหรับรถยก

  • รถโฟล์คลิฟท์มีแนวโน้มที่จะพลิกคว่ำเนื่องจากมีน้ำหนักมากที่ด้านหลัง
  • รถโฟล์คลิฟท์มีขนาดใหญ่ทำให้ขับได้ยากเนื่องจากมีมุมการมองเห็นที่จำกัดซึ่งการบรรทุกของไว้ด้านหน้า 

         ทำให้ผู้ขับมองเห็นได้ยาก

  • รถโฟล์คลิฟท์ได้รับการออกแบบให้บรรทุกของหนัก ทำให้เป็นอันตรายมาก

         ซึ่งอุบัติเหตุจำนวนมากเกิดขึ้นที่ท่าเรือบรรทุกสินค้า

ระบบความปลอดภัยสำหรับการใช้รถโฟล์คลิฟท์

รถโฟล์คลิฟท์เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมหากใช้งานอย่างถูกต้อง ด้วยระเบียบวิธีการฝึกอบรมและความปลอดภัย

ช่วยขจัดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตโดยสามารถป้องกันได้จากสถานที่ทำงาน

ซึ่งก่อนการใช้รถโฟล์คลิฟท์ให้ใช้เวลาฝึกอบรมและเตรียมการอย่างเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าคุณคุ้นเคยกับเครื่องจักร

  • ควรได้รับการฝึกอบรมและมีใบอนุญาตสำหรับการขับรถโฟล์คลิฟท์
  • ใช้เข็มขัดนิรภัยที่เหมาะสมเมื่อใช้งานรถโฟล์คลิฟท์เช่นเดียวกับรถยนต์ การใช้เข็มขัดนิรภัยในรถโฟล์คลิฟท์ สามารถป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
  • ป้องกันอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับกลไกหรือเครื่องยนต์ที่ไม่ดีหรือสภาพทรุดโทรมโดยตรวจเช็คความเสียหาย   ก่อนการใช้งานทุกวัน
  • กรณีรถโฟล์คลิฟท์จะเริ่มคว่ำ ห้ามกระโดดออกจากรถยกเพื่อลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ                            ให้ผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์อยู่ในรถและเอนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการคว่ำ
  • ใช้ความระมัดระวังอย่างมากกับทางลาดหรือทางเอียง
  • อย่ายกหรือลดระดับงาในขณะที่รถโฟล์คลิฟท์กำลังเคลื่อนที่
  • ศึกษาคู่มือการใช้งานสำหรับยี่ห้อและรุ่นของรถโฟล์คลิฟท์โดยเฉพาะ
  • ขับรถโฟล์คลิฟท์ด้วยความเร็วที่ปลอดภัย สังเกตป้ายจำกัดความเร็วทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
  • อย่าขับรถโฟล์คลิฟท์กรณีมีคนยืนอยู่บริเวณนั้นซึ่งก่อนที่จะเคลื่อนย้ายรถโฟล์คลิฟท์อย่างปลอดภัย             ควรมีเส้นทางที่ชัดเจนห่างจากคนเดินเท้าและเพื่อนร่วมงาน

บทความล่าสุด

ติดต่อเราวันนี้