ข้อแตกต่างระหว่าง REACH TRUCK และ FORKLIFT
REACH TRUCKS และ FORKLIFT สามารถพบได้ทั่วไปในสถานที่การผลิต คลังสินค้า โรงงาน ร้านค้าขายปลีก-ส่ง
เมื่อคุณต้องการรถโฟล์คลิฟท์คุณอาจต้องตรวจสอบความแตกต่างระหว่าง REACH TRUCKS และ FORKLIFT
โดยลักษณะการใช้งาน การทำงานของรถโฟล์คลิฟท์แต่ละคันมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับงานที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น
รถโฟล์คลิฟท์ทั้งสองคันสามารถยกพาเลท 2 ตันขึ้นจากพื้นได้ 10 ฟุตและเคลื่อนย้ายพาเลทน้ำหนัก 7 ตัน
คุณต้องมีรถโฟล์คลิฟท์ในการยกพาเลท 2 ตัน ขึ้นจากพื้น 30 ฟุต
โดยเปรียบเทียบการใช้งานระหว่าง REACH TRUCKS และ FORKLIFT
เพื่อช่วยให้คุณเลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ภาพรวมของ FORKLIFT
FORKLIFT เป็นอุปกรณ์จัดการวัสดุที่เป็นที่รู้จักและหลากหลายที่สุดชิ้นหนึ่งสำหรับธุรกิจคลังสินค้าและการผลิต
ซึ่งใช้สำหรับการเคลื่อนย้าย วางซ้อนและยกพาเลท โดยที่รถโฟล์คลิฟท์เป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานมากที่สุดชิ้นหนึ่ง
FORKLIFT มีอุปกรณ์เสริมพิเศษหลายประเภทสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
อุปกรณ์จัดการวัสดุที่คนส่วนใหญ่นึกถึงอย่างแรกคือ FORKLIFT แบบดั้งเดิม
หรือที่เรียกว่า FORKLIFT เคาน์เตอร์บาลานซ์
ด้วยงาของ FORKLIFT สามารถเคลื่อนตัวใกล้กับแร็คหรือพาเลท
FORKLIFT แบบดั้งเดิมจำเป็นต้องมีเครื่องถ่วงน้ำหนักเพื่อยกของหนักบนพาเลท
ด้านหลังของรถ FORKLIFT บรรจุแบตเตอรี่ไว้ข้างๆ ตุ้มน้ำหนักเหล็กหล่อเพื่อถ่วงน้ำหนักบรรทุกหนัก
และทำให้รถโฟล์คลิฟท์มั่นคง
FORKLIFT สามารถใช้กับท่าเทียบเรือ คลังสินค้า โรงงานซึ่งใช้ได้ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง
โดยทั่วไปสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตราบใดที่อยู่ในทางเดินที่มีความกว้างอย่างน้อย 10 ฟุตถึง 12 ฟุต
FORKLIFT สามารถจัดการพาเลทแบบเรียงซ้อนได้สูงถึง 4 ฟุต โดยความจุจะแตกต่างกันไปตามรุ่น
การใช้งาน FORKLIFT สามารถรองรับน้ำหนักได้ระหว่าง 3 ตัน ถึง 6 ตัน
โดยที่ FORKLIFT บางรุ่นจะมีความจุถึง 15.5 ตันหรือมากกว่านั้น
เนื่องจากความสามารถในการรับน้ำหนักได้มากจึงเป็นที่ต้องการสำหรับงานหรือธุรกิจแบบเฉพาะเจาะจง
FORKLIFT ความจุสูง
รถโฟล์คลิฟท์เป็นที่รู้จักสำหรับความสามารถในการรับน้ำหนักสำหรับงานหนัก อึด ถึก ทน หรือธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง
เมื่อคุณต้องการความจุมากขึ้นสำหรับธุรกิจหรืองานหนักที่ยากลำบากที่สุดของคุณ
ให้พิจารณา FORKLIFT ความจุสูงเหล่านี้ซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 100 ตัน
และมีเครื่องยนต์สำหรับงานหนักที่ขับเคลื่อนด้วยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือดีเซล
FORKLIFT สันดาปภายใน
FORKLIFT เครื่องยนต์สันดาปภายใน ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้ เช่น ดีเซล LPG และน้ำมันเบนซิน
เหมาะสำหรับการใช้งานหนักในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่โกดังไปจนถึงลาน
คุณสามารถเลือก FORKLIFT เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ต้องการโดยที่คุณสามารถเลือกยางลม
สำหรับพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือยางกันกระแทกสำหรับการเลี้ยวบนพื้นผิวเรียบ
หรือติดต่อสอบถามเราเพื่อปรึกษาและเลือก FORKLIFT ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
FORKLIFT ไฟฟ้า
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามีหลากหลายรุ่นซึ่ง FORKLIFT ไฟฟ้าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอาคารหรือที่ร่ม
เพราะไม่มีการปล่อยมลพิษและเสียงเงียบ
โดย FORKLIFT ไฟฟ้ามีการบำรุงรักษาน้อยกว่ารถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์เนื่องจากต้องการของเหลวน้อยลง
เช่น น้ำมันและน้ำหล่อเย็น
ภาพรวมของ REACH TRUCKS
REACH TRUCKS เป็นรถที่มีขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายว่องไว มีโครงสร้างที่บางและบรรทุกสัมภาระใกล้กับฐานล้อ
สามารถทำงานได้ดีในโกดังสินค้าที่มีทางเดินแคบหรือพื้นที่จำกัด
REACH TRUCKS จะมีขาด้านนอกที่มีเสถียรภาพสองขาที่กระจายน้ำหนักบรรทุกสินค้าได้ดี
แม้ว่าบางรุ่นจะยอมให้ยืนไปข้างหน้า แต่ผู้ควบคุมมักจะนั่งด้านข้างซึ่งให้ความสะดวกสบายและความคล่องแคล่ว
REACH TRUCKS มีคุณสมบัติหลายอย่างโดยเพิ่มทัศนวิสัยสำหรับผู้ควบคุม
ซึ่งออกแบบห้องโดยสารเพื่อช่วยให้คนขับได้มุมมองที่ดีขึ้นหรือมีแผงป้องกันเหนือศีรษะแบบเปิด
REACH TRUCKS หลายคันมีกล้องในตัวที่ช่วยให้ผู้ควบคุมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือศีรษะได้บนหน้าจอวิดีโอ
REACH TRUCKS สามารถรองรับความจุที่น้อยกว่า FORKLIFT
ข้อดีของ REACH TRUCKS คือการทำงานในพื้นที่แคบและมีความสูงมาก
ซึ่งความสูงในการยกสูงสุดในบางรุ่นของ REACH TRUCK มีความยาวเกิน 40 ฟุต
REACH TRUCKS ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถจัดเก็บสินค้าในแนวตั้งได้
เนื่องจาก REACH TRUCK ทุกคันมีแบตเตอรี่ไฟฟ้า 36 โวลต์ จึงมีเสียงเงียบและไม่ปล่อยมลพิษ
ทำให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงานภายในอาคารหรือที่ร่มมากยิ่งขึ้น
ความเหมือนและความแตกต่างที่สำคัญ
REACH TRUCKS และ FORKLIFT ต่างกันอย่างไร ?
เปรียบเทียบคุณสมบัติและข้อกำหนดต่างๆ ดังนี้
1. ทัศนวิสัย
FORKLIFT มีห้องโดยสารที่หันหน้าไปทางด้านหน้า ซึ่งหมายความว่าคนขับจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
REACH TRUCKS มีตัวเลือกท่ายืนหลายแบบโดยส่วนใหญ่จะเป็นห้องโดยสารที่หันไปทางด้านข้าง
ซึ่งผู้ปฏิบัติงานสามารถมองเห็นได้ชัดเจนผ่านการออกแบบเสาที่เป็นนวัตกรรมใหม่และมีห้องโดยสารแบบเอียง
2. ความสามารถในการยก
REACH TRUCKS มีความสามารถในการยกมาตรฐานระหว่าง 3 ตัน ถึง 5.5 ตันโดยขึ้นอยู่กับรุ่น
FORKLIFT ส่วนใหญ่มีความจุสูงกว่าโดยสามารถยกได้ตั้งแต่ 3 ตัน ถึง 100 ตัน
3. รัศมีวงเลี้ยว
FORKLIFT มีรัศมีวงเลี้ยวเล็กกว่า FORKLIFT 35% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบซึ่งช่วยให้ทำงานในทางเดินแคบ
REACH TRUCKS บางคันสามารถทำงานในทางเดินกว้าง 8 ฟุต
ในขณะที่ FORKLIFT อาจต้องมีระยะห่าง 12 ฟุต
4. เข้าถึงความสูง
FORKLIFT สามารถเข้าถึงได้สูงถึง 19 ฟุต ในขณะเดียวกัน REACH TRUCKS บางคันสามารถขยายได้ถึง 41 ฟุต
5. งา
แม้ว่าจะมีเพียงชื่อเดียวที่ใช้คำว่า “งา” แต่ทั้ง FORKLIFT และ REACH TRUCKS ใช้งาในการยกและเคลื่อนย้าย
ในทางเทคนิค REACH TRUCKS เป็นรถโฟล์คลิฟท์ประเภทพิเศษซึ่งสร้างขึ้นจากการออกแบบการยกของด้วยงา
ขยายการเข้าถึงให้สูงขึ้นด้วยขาที่ทรงตัวเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุก
6. แหล่งพลังงานและเชื้อเพลิง
REACH TRUCKS ใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้า 36 โวลต์ ซึ่งมีความยืดหยุ่นในแหล่งพลังงานไฟฟ้า
ส่วน FORKLIFT สามารถเลือกน้ำมันเบนซิน ดีเซล LPG เป็นแหล่งเชื้อเพลิง
การเปรียบเทียบ REACH TRUCKS และ FORKLIFT ให้พิจารณากรณีการใช้งานของโรงงาน คลังสินค้าหรือธุรกิจอื่น
เนื่องจากรถโฟล์คลิฟท์แต่ละประเภทมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์
จึงเหมาะกับสภาพแวดล้อมและการใช้งานที่แตกต่างกัน
เมื่อใดควรใช้ FORKLIFT
เลือก FORKLIFT ให้เหมาะสมกับการใช้งานและธุรกิจของคุณ
- งานกลางแจ้ง
FORKLIFT สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมภายในอาคารและกลางแจ้งได้
เช่น ท่าเรือ สถานที่ก่อสร้าง หรือลานอุปทาน ฯลฯ
FORKLIFT แบบสันดาปภายในเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถใช้งานในพื้นที่ไม่เรียบ ขรุขระ
และทำงานอย่างปลอดภัยท่ามกลางสายฝน
- การจัดการวัสดุทั่วไป
ท่าเทียบเรือ สถานที่ก่อสร้าง คลังสินค้า และลานกว้าง
ล้วนใช้ FORKLIFT สำหรับการยกและเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์
FORKLIFT เป็นตัวเลือกอุปกรณ์รอบด้านที่ยอดเยี่ยมเพราะสามารถรับน้ำหนักได้มาก
- พื้นที่เปิดโล่ง
เนื่องจาก FORKLIFT มีขนาดใหญ่กว่า REACH TRUCK
FORKLIFT จึงมักเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่
เมื่อใดควรใช้ REACH TRUCKS
REACH TRUCKS อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ FORKLIFT ในกรณีทำงานสถานที่ดังนี้
- ภายในอาคาร
REACH TRUCKS ทำงานได้ดีที่สุดภายในอาคารบนพื้นผิวเรียบและสภาพแวดล้อมที่แห้ง
เนื่องจากใช้แบตเตอรี่จึงไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่อาจเป็นอันตรายต่อคุณภาพอากาศภายในอาคาร
และทำงานเงียบกว่า FORKLIFT แบบสันดาปภายใน
- ในทางเดินแคบ ๆ
REACH TRUCKS สามารถทำงานได้ในพื้นที่จำกัด เนื่องจากเป็นยานพาหนะขนาดเล็ก
ช่วยให้คลังสินค้าสามารถเพิ่มพื้นที่โดยวางชั้นเก็บของไว้ใกล้กันมากขึ้น
- ด้วยชั้นวางที่สูงขึ้น
REACH TRUCKS สามารถยกได้ไกลกว่าด้วยขาที่มั่นคง
โดยยกได้สูงถึง 502 นิ้วและช่วยให้คลังสินค้าสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บในแนวตั้งได้มากที่สุด
- สำหรับน้ำหนักบรรทุกที่เบากว่า
เนื่องจาก REACH TRUCKS ไม่สามารถยกน้ำหนักได้มากเท่ากับ FORKLIFT ที่มีความจุสูง
ซึ่งสามารถยกได้ที่น้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 3 ตัน ถึง 5.5 ตันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่น
บทความล่าสุด
การใช้รถโฟล์คลิฟท์ยกสินค้าบนพื้นที่สูงวางบนพื้นที่ต่ำ
การใช้รถโฟล์คลิฟท์ยกสินค้าที่วางบนพื้น
สัญลักษณ์และความหมายเกี่ยวกับรถโฟล์คลิฟท์
หมวดหมู่บทความ
- ทั้งหมด (84)
- แบตเตอรี่โฟล์คลิฟท์ (1)
- โฟล์คลิฟท์ (3)
- โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (3)
ติดต่อเราวันนี้
- บริษัทเอ็นเนอร์ยีแอดวานซ์จำกัด77/7 หมู่ 9 ซอยสุวินทวงศ์33ถนนสุวินทวงศ์ กทม. 10530
- service@energyadvance.co.th
- 02 077 9608
- @forklift