การปฏิบัติงานโดยใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเป็นงานที่มีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติงาน
และปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสี่ยงต่าง ๆ ต่อพนักงานและบุคคลอื่น ๆ ดังนี้:
9 ข้อควรปฏิบัติ
1.การใช้เชือกกั้นหน้า-หลัง ขณะที่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ากำลังใช้งาน
การใช้เชือกกั้นหน้า-หลังและมีคนค่อยป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าใกล้ และหยุดปฎิบัติงานเพิ่มความปลอดภัยและความรวดเร็ว
ในการบริการลูกค้า
- การควบคุมความปลอดภัย: การใช้เชือกกั้นหน้า-หลังและมีคนค่อยป้องกันสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในบางสถานการณ์
เช่น ในโรงงานหรือสถานที่ที่มีเครื่องจักรใหญ่ ๆ หรือสินค้าที่อาจเป็นอันตราย
- การปรับใช้กับร้านค้าหรือธุรกิจ: ในบางธุรกิจเช่น ร้านขายของส่ง หรือ ห้าง การใช้คนค่อยป้องกันและหยุดปฎิบัติงานทันทีที่ลูกค้าเข้า
มาหยิบของ ช่วยในการบริการลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคนค่อยป้องกัน สามารถช่วยควบคุมการเข้าถึงสินค้าหรือ
บริการแบบตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
- การปฏิบัติตามกฎหมาย: ควรให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องในการใช้เชือกกั้นหน้า-หลังและ
คนค่อยป้องกัน เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
สำหรับบางอุตสาหกรรมและสถานที่ทำงานที่มีความเสี่ยงสูงเช่น โรงงานหรือสถานที่ที่มีการเคลื่อนไหวมาก การใช้เชือกกั้นหน้า-หลังและ
คนค่อยป้องกันอาจจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
2.ห่างจากรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่กำลังทำงานอยู่อย่างน้อย 3 เมตร
การรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงานมีความสำคัญอย่างมาก การระยะห่างจากรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่กำลังทำงานอยู่อย่างน้อย 3 เมตร
เป็นมาตรการที่สามารถลดความเสี่ยงในสถานที่ทำงานได้ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าหรือเครื่องจักรที่มีอุบัติเหตุ
อันตรายสูง เช่น โรงงานหรือสถานที่ก่อสร้าง การระยะห่างอย่างเพียงพอจะ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุและความเสี่ยงในการทำงานต่าง ๆ
นอกจากการระยะห่างจากรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่กำลังทำงานอยู่ ควรปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอื่น ๆ ด้วย เช่น:
- การสั่งงานและการพูดคุย: การสั่งงานหรือการพูดคุยกับคนที่กำลังทำงานอยู่ในบริเวณที่มีรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าหรือเครื่องจักร
ควรทำอย่างระมัดระวังและใช้ระยะห่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการสับสนหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
- การใช้ชุดความปลอดภัย: ควรใส่ชุดความปลอดภัยที่เหมาะสมตามหน้างาน ของแต่ละบริษัท เช่น หมวกกันน็อค แว่นตากันน็อค
และเสื้อคลุม
- การอบรมและความรู้: พนักงานควรได้รับการอบรมและความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติตาม
ข้อกำหนดและมาตรการความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง
สรุป
การรักษาระยะห่างและปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงในสถานที่ทำงานและประชาสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน
และรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าหรือเครื่องจักรที่กำลังทำงานอยู่ในบริเวณเดียวกัน
3.รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าใช้ความเร็ว 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าที่ใช้ความเร็ว 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มี
มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ามาตรฐานโดยปกติแล้ว โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
ใช้ในการยกหรือโหลดของพร้อมความปลอดภัย ความเร็วสามารถยกของและโหลดของ
อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
4.ลดงาลงต่ำ เลื่อนเสางาเข้าหาตัว ก่อนเดินหน้าหรือถอยหลังทุกครั้ง
การลดงาลงต่ำเลื่อนเสางาเข้าหาตัวก่อนเดินหน้าหรือถอยหลังทุกครั้ง เป็นการปฏิบัติที่สำคัญในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน นี้เป็นข้อแนะนำที่มีวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยขณะใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
การลดงาลงต่ำ เสางาเข้าหาตัวก่อนเดินหน้าหรือถอยหลังมีข้อดีดังนี้:
- ป้องกันการเฉี่ยวชน: การลดงาลงต่ำเสางาเข้าหาตัวก่อนการเคลื่อนไหวจะช่วยลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชนกับเสางาหรือกับสิ่งของอื่นที่
อาจอยู่ใกล้ๆ รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เช่น คาน หรือประตู ซึ่งอาจเกิดความเสียหายและอุบัติเหตุได้
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: การลดงาลงต่ำเสางาเข้าหาตัวก่อนการเคลื่อนไหว ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าและ
สิ่งของอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นการออกแบบระบบความปลอดภัยที่ดีและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา.
สรุป
การปฏิบัติตามข้อแนะนำดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย ควรรับคำแนะนำจากผู้ดูแลระบบรถโฟล์ค
ลิฟท์ไฟฟ้าหรือผู้ประกอบการรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายในการใช้งานโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า.
5.ห้ามยกของสูงเกินแผงพิงหรือเสางา
ห้ามยกของสูงเกินแผงพื้นหรือเสางาเป็นมาตรการ ป้องกันความเสี่ยงในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ
ที่อาจเกิดขึ้น การยกของสูงเกินขีดจำกัดที่กำหนดอาจทำให้สินค้าหรือวัตถุอื่นๆ หล่นลงมาและอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานและ
ผู้อื่นในบริเวณรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ส ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และห้ามยกของสูงเกินขีดจำกัดที่กำหนด เพื่อ
ป้องกันความเสี่ยงในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าและสิ่งของที่รับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้งานและคนในบริเวณรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
6.ขณะขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าถอยหลัง
ลำตัวต้องชิดด้านในของรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เป็นมาตรการป้องกันความเสี่ยงและเป็นข้อกำหนดที่สำคัญในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
มีข้อดีดังนี้:
- มองเห็นและควบคุมได้ง่ายขึ้น: ลำตัวชิดด้านในของรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ช่วยให้คุณมีมุมมองที่ชัดเจนและสามารถเห็นว่าไม่มีสิ่งของ
หรือคนอื่นที่อยู่ด้านนอก นี่เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณควบคุมการขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าได้ง่ายและปลอดภัย
- ป้องกันความเสี่ยงในการชนกัน:ลำตัวชิดด้านในของรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ช่วยลดความเสี่ยงในการชนกันหรือเกิดอุบัติเหตุในขณะที่
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าถอยหลัง ทำให้คุณสามารถควบคุมรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยและป้องกันการชนกันได้อย่างเหมาะสม
- ปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัย: การที่ร่างกายของคนขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าต้องชิดด้านในของรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
ช่วยให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัยและคำแนะนำที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง และปรับให้เหมาะสมกับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
ที่กำลังใช้งาน
สรุป
การปฏิบัติตามข้อกำหนดและความระมัดระวังในขณะขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและคนใน
บริเวณรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและความระมัดระวังที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด.
7.ไม่ยืดเสาออกขณะขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
การไม่ยืดเสาออกขณะขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเป็นข้อกำหนดที่สำคัญ เพื่อประกันความปลอดภัยของการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
การยืดเสาออกอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการชนกันหรืออุบัติเหตุในขณะที่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ากำลังเคลื่อนที่หรือถอยหลัง ดังนั้นควรปฏิบัติ
ตามข้อกำหนดที่กำหนดโดยผู้ดูแลรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าหรือผู้ประกอบการรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด.
สรุป
การไม่ยืดเสาออกขณะขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ช่วยลดความเสี่ยงในการชนกันหรืออุบัติเหตุ เนื่องจากเสาออกแบบมา เพื่อป้องกันความเสี่ยง
ในการชนหรือการเฉี่ยวชนระหว่างการใช้งาน การปฏิบัติตามข้อกำหนดและความระมัดระวังที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาความ
ปลอดภัยของผู้ใช้งานและคนในบริเวณรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กำหนดโดยผู้ดูแลรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า หรือผู้ประกอบ
การรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า อย่างเคร่งครัดเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า
อย่างปลอดภัย
8.ไม่ยกงาไป วิ่งไป
การไม่ยกวิ่งไปหรือเลื่อนงาเข้าออกขณะที่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ากำลังเคลื่อนที่เป็นการปฏิบัติที่สำคัญเพื่อความปลอดภัยขณะใช้งานโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า การทำรถเสียจุดสมดุลหรือทำให้โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าไม่มีความสมดุลอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการพลิกคว่ำหรือเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นควรปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กำหนดโดยผู้ดูแลระบบโฟล์คลิฟท์หรือผู้ประกอบการโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด:
- ไม่ยกงาไปวิ่งไป: อย่ายกงาหรือสิ่งของขึ้นไปในขณะที่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ากำลังเคลื่อนที่หรือเริ่มที่จะเคลื่อนที่ เพราะการที่งาหรือสิ่งของ
นึ่งเล็กน้อยถูกยกขึ้นอาจทำให้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าไม่มีความสมดุลและเกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
- ไม่เลื่อนงาเข้าออก: อย่าเลื่อนงาเข้าออก ขณะที่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ากำลังเคลื่อนที่ เพราะการเลื่อนงาอาจทำให้รถไม่มีความสมดุลและเกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
สรุป
การปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กำหนดโดยผู้ดูแลรถโฟล์คลิฟท์หรือผู้ประกอบการรถโฟล์คลิฟท์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและ
ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง
9.หลีกเลี่ยงพื้นที่ทำงานเปียกน้ำ
การหลีกเลี่ยงพื้นที่ทำงานที่เปียกน้ำเป็นการปฏิบัติที่สำคัญเพื่อความปลอดภัยขณะใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า น้ำบนพื้นอาจทำให้พื้นลื่น
และเป็นเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้:
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ทำงานเปียกน้ำ: หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าในพื้นที่ทำงานที่เปียกน้ำหรือชุ่มน้ำ
และควรรอให้พื้นที่แห่งนั้นแห้งก่อนที่จะใช้งานรถ
- ทำความสะอาดพื้นที่: หากไม่มีทางหลีกเลี่ยงการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าในพื้นที่เปียกน้ำ ควรทำความสะอาดพื้นที่นั้นให้สะอาดและ
แห้งก่อนใช้งาน นี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลื่นไถลขณะใช้งานรถ
- ระวังการใช้งานรถ: ในกรณีที่ต้องใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าในพื้นที่เปียกน้ำ ควรระวังการขับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง
และใช้ระบบเบรกของรถอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการลื่นไถลและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
สรุป
การรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและความระมัดระวังที่เกี่ยวข้อง
เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการใช้งานอย่างปลอดภัย